คำกล่าวรายงาน
โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายวิเศษ จูภิบาล)
การประชุมผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
รวมพลังราชการไทย ลดใช้พลังงาน
วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2548
ณ ห้องมิราเคิลแกรนด์ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
เรียนท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านวิษณุ เครืองาม ท่านปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงและกรมต่างๆ ท่านผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนทุกท่าน
จากการที่ได้เกิดปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ปัจจุบัน ไทยได้ใช้พลังงานเชิงพาณิชย์สูงถึง1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายด้านพลังงานถึงร้อยละ 15 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศและโดยที่ราคาพลังงานที่สูงถึงกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้การใช้พลังงานนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงเทียบเท่ากับ GDP ได้รับการเพิ่มสูงขึ้นมากทีเดียว
ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน และสามารถผลิตใช้ได้เองภายในประเทศ เพียงร้อยละ 10 ที่เหลือเป็นการนำเข้ามาถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจากราคาน้ำมันที่สูงในปีที่ผ่านมา ไทยจึงต้องนำเข้าน้ำมันมีมูลค่าสูงถึง 550,000 ล้านบาท ถ้าคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP แล้วคิดถึงประมาณร้อยละ 8 ก็ต้องถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างจะสูงมาก
เพื่อที่จะให้มีการลดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ โดยระยะแรก ระยะสั้น ระยะยาว ทางประเทศจำเป็นต้องมีการดำเนินการเพื่อจะผ่อนคลายและแก้ปัญหาการขาดดุลการค้า การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และเงินเฟ้อ ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมุ่งเน้นในเรื่องของการลดใช้พลังงาน ในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเอกชน ซึ่งหน่วยงานภาครัฐเองได้มีการใช้ไฟฟ้าปีละประมาณ 5,400 ล้านหน่วย หรือประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ของการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศคิดเป็นเงินประมาณ 13,500 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 700 ล้านลิตรต่อปี หรือประมาณ 3.5 เปอร์เซ็นต์ ของการใช้น้ำมันทั้งประเทศ คิดเป็นเงินประมาณ 14,000 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานในหน่วยราชการ โดยรวมแล้วประมาณ 27,500 ล้านบาทต่อปีนั้น เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของค่าสาธารณูปโภคซึ่งใช้อยู่ประมาณ 100,000 ล้านบาท ที่หน่วยราชการได้รับงบประมาณนั้น ก็คิดเป็นประมาณ 26 เปอร์เซ็นต์ของค่าสาธารณูปโภค ของหน่วยราชการทั้งหมด
จากภาวะวิกฤติน้ำมันในครั้งนี้ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้การประหยัดพลังงานเป็นวาระแห่งชาติ โดยราชการต้องเป็นแกนนำในการลดใช้พลังงาน ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน โดยได้กำหนดเป้าหมาย 10-15 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปริมาณการใช้เมื่อปี 2546 โดยสำนักงาน ก.พ.ร. จะได้กำหนดเป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานราชการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2549 เป็นต้นไป และก็ได้มอบหมายรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ในแต่ละกรมและกระทรวงเป็นผู้รับชอบในการปฏิบัติให้การประหยัดพลังงานได้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ทั้งนี้หน่วยงานที่ได้ลดใช้พลังงานจะสามารถนำเงินที่ประหยัดได้จากการประหยัดพลังงานไปเป็นรางวัลในหน่วยงานนั้นๆ
ในงานประชุมสัมมนารวมพลังราชการไทย ลดใช้พลังงานวันนี้ นอกจากผู้บริหารระดับสูงของทุกกระทรวงจะได้มาร่วมกันเพื่อแสดงความตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติหน้าที่ช่วยกู้เศรษฐกิจชาติ นอกจากนั้น ยังมีพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้หน่วยงานที่อยู่ใน 3 ลำดับแรกของผู้ที่สามารถลดใช้พลังงานในปีงบประมาณ 2547 จะเป็นรางวัลดีเด่นทางด้านการประหยัดไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมกับจะได้มีการมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณต่อสื่อมวลชนทุกแขนงที่ได้ร่วมทำคุณประโยชน์ให้ประเทศโดยช่วยรณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
นอกจากงานสัมมนาในวันนี้แล้ว ตลอดเดือนกรกฎาคม 2548 กระทรวงพลังงานยังได้จัดสัมมนาอีก 6 ครั้ง เพื่อจะสร้างจิตสำนึก ชี้แนะวิธีการลดใช้พลังงานให้กับคณะทำงานของทุกกระทรวง ทั้งนี้ได้รวมทั้งการสัมมนาในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค หลังจากการสัมมนาครั้งนี้ ถ้าหากมีข้อสงสัยอะไรทางคณะทำงานของทุกกระทรวง ที่ท่านอธิบดีจะได้แต่งตั้งให้เป็น Contact Person หรือ Contact Point ทุกท่านจะสามารถติดต่อกระทรวงพลังงานเพื่อจะขอแนะนำวิธีกระตุ้นจิตสำนึก วิธีการประหยัดพลังงาน วิธีวางแผน วิธีรายงานการติดตามผล ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกหน่วยงานจะต้องรายงานต่อคณะรัฐมนตรี ต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังได้เตรียมทีมเทคนิค ซึ่งเป็นทีมงานที่ประกอบด้วยผู้ชำนาญการจาก กฟผ. กฟภ. กฟน. และ พพ. และ สพภ. ทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะได้ทำหน้าที่ให้คำแนะนำหน่วยงานของท่านได้ในด้านเทคนิค การดูแลและปรับเปลี่ยนอุปกรณ์รวมทั้งวิธีการประหยัดพลังงานในแต่ละกรม กอง ต่อไป
มาตรการนี้อาจจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกสบายบ้าง แต่ก็เชื่อว่าในภาวะเช่นนี้ ข้าราชไทยทุกท่านก็คงจะได้ช่วยกันและได้ดำเนินการสำหรับหน่วยงานราชการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม อันเนื่องจากภาวะวิกฤติเรื่องน้ำมันในครั้งนี้
ในโอกาสนี้กระผมขอขอบพระคุณท่านรองนายกฯ ดร.วิษณุ เครืองาม ได้ให้เกียรติมาประชุมในงานสัมมนา รวมพลังราชการไทย ลดใช้พลังงานในวันนี้
ขอขอบพระคุณผู้เข้าร่วมสัมมนาและสื่อมวลชนทุกท่านทั้งที่อยู่ในที่นี้ และไม่ได้เอ่ยนามถึง
ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของพลังงานและใช้พลังงานเท่าที่จำเป็นและอย่างรู้วิธี หากเราช่วยกันคนละแรง รักษาพลังความร่วมมือให้คงอยู่อย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อว่าประเทศไทยจะผ่านวิกฤติกาลในครั้งนี้ไปได้ โดยไม่ยากครับ
ขอขอบคุณ