สรุปข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรี
20 มีนาคม 2555
วันอังคารที่ 20 มีนาคม 2555 เมื่อเวลา 09.00 น. ณ อาคารสำนักงานอธิการบดี ชั้น 5 (อาคาร 7)
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ 3/2555 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
เศรษฐกิจ
4. เรื่อง
การปรับปรุงโครงสร้างอัตราอากรขาเข้าสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมเยื่อและกระดาษและผลิตภัณฑ์สลักเกลียว
5. เรื่อง
รายงานผลการตรวจสอบสภาพพื้นที่เพื่อประกอบการพิจารณาสนับสนุนการพัฒนา
ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงาและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน
6. เรื่อง
ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2555
7. เรื่อง
ขออนุมัติต่ออายุสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
8. เรื่อง
ขออนุมัติงบกลางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการลดค่าครองชีพไทยช่วยไทย
9. เรื่อง
มาตรการลดใช้พลังงานภาครัฐ
คณะรัฐมนตรีรับทราบมาตรการลดใช้พลังงานภาครัฐตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และขอให้เน้นวัตถุประสงค์การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพและมากกว่าการประหยัดค่าใช้จ่าย
และให้สำนักงบประมาณร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. ติดตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องพลังงานต่อไป
ตามที่
นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 เพื่อเตรียมแนวทางดูแลราคาสินค้าและค่าครองชีพ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้บริโภค
ที่ประชุมได้มีมติให้กระทรวงพลังงานจับตาสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด
เพื่อหาแนวทางบรรเทาผลกระทบ โดยเบื้องต้นให้เตรียมมาตรการรองรับ ได้แก่ การตรึงภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไว้ที่
0.0005 บาทต่อลิตร การต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพทั้งรถเมล์และรถไฟฟรี
หลังสิ้นสุดกรอบเวลาในช่วงเดือนเมษายน และการให้หน่วยงานราชการดำเนินมาตรการลดใช้พลังงานลงให้ได้อย่างน้อย
10% เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศนั้น
กระทรวงพลังงานได้จัดทำแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ
เพื่อให้ทุกหน่วยงานราชการดำเนินการด้วยความเข้าใจที่ตรงกันและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดโดยสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. กำหนดเป้าหมาย : มาตรการลดใช้พลังงานลงให้ได้อย่างน้อย
10%
2. ดำเนินมาตรการระยะสั้น ดังต่อไปนี้
2.1
ให้ตัวชี้วัด
(Key Performance Index: KPI) "ระดับความสำเร็จของการดำเนินการ ตามมาตรการประหยัดพลังงาน" เป็นหนึ่งในกรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการต่อไป
โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555
(1) ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. กำหนดให้ผลการประหยัดพลังงานเป็นตัววัดประสิทธิภาพของปลัดกระทรวง
อธิบดี ผู้บริหารระดับสูงของทุกหน่วยงาน รวมถึงรัฐวิสาหกิจ องค์การปกครองท้องถิ่น หน่วยงานตุลาการ
หน่วยงานรัฐสภา และโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2555
(2) ให้
สำนักงาน ก.พ.ร. และ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ร่วมกันพิจารณากำหนดเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการประเมินผล
(3) ให้ สนพ.
เป็นเจ้าภาพหลักในการติดตามผลและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ
2.2 ลดการใช้พลังงานลงอย่างน้อยร้อยละ 10
(1) ให้ทุกหน่วยงานกำหนดเป้าหมายลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงลงร้อยละ
10 โดยเทียบกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงในปีงบประมาณ
พ.ศ.2554
(2) ถ้าหน่วยงานใดมีผลการใช้ไฟฟ้าและหรือน้ำมันเชื้อเพลิงในปีงบประมาณ
พ.ศ.2554 เพิ่มขึ้น จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงของปีงบประมาณ
พ.ศ. 2551 โดยไม่มีเหตุผลสมควร
หน่วยงานนั้นต้องลดการใช้พลังงานลง 15% จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าและหรือน้ำมันเชื้อเพลิงของปีงบประมาณ พ.ศ.2551
(3) แนวทางดำเนินการ
-
ดำเนินการตามแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ
(4) มาตรการลดใช้ไฟฟ้า
-
จัดซื้ออุปกรณ์/เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดต้องเป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน
-
กำหนดเวลาเปิดปิดเครื่องปรับอากาศ เช่น 08.30-16.30 น. และปรับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 25-26 องศาเซลเซียส รวมถึงตั้งงบประมาณล้างเครื่องปรับอากาศเป็นประจำทุก
6 เดือน โดยห้ามปรับเปลี่ยนงบประมาณไปใช้ในเรื่องอื่น
-
กำหนดการใช้ลิฟต์ให้หยุดเฉพาะชั้น เช่น การหยุดเฉพาะชั้นคู่หรืออาจจะสลับให้มีการหยุดเฉพาะชั้นคี่
และปิดลิฟต์บางตัวในช่วงเวลาที่มีการใช้งานน้อย และรณรงค์ขึ้น-ลงชั้นเดียวให้ใช้ลิฟต์
(5) มาตรการลดใช้น้ำมัน
- ให้มีระบบ Car Pool : หน่วยราชการระดับกรมที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันให้จัดระบบการใช้รถแบบรวมศูนย์
เพื่อให้มีการใช้รถอย่างประหยัดและประสิทธิภาพสูงสุด
- กำชับพนักงานขับรถยนต์ให้ขับรถในอัตราความเร็วยานพาหนะที่พระราชบัญญัติจราจรทางบก
พ.ศ. 2522 กำหนด
- รถเบนซินราชการและรัฐวิสาหกิจทุกคันในจังหวัดที่มีก๊าซโซฮอล์จำหน่ายต้องใช้ก๊าซโซฮอล์ และหากมี NGV จำหน่ายให้ติดตั้ง NGV
ควบคู่ไปด้วย โดยเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี NGV ให้เติม
NGV และอยู่นอกพื้นที่ให้เติมก๊าซโซฮอล์
3. ดำเนินมาตรการระยะยาว ดังต่อไปนี้
3.1
กำหนดให้
"อาคารของรัฐที่เข้าข่ายเป็นอาคารควบคุม" ก่อนปีงบประมาณ พ.ศ. 2555
ประมาณ 800 แห่ง
เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานไม่ให้เกิน "ค่ามาตรฐานการจัดการใช้พลังงาน"
ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 เพื่อเป็นตัวอย่างในการจัดการอาคารของเอกชนที่เข้าข่ายเป็นอาคารควบคุม
3.2
ให้
สำนักงบประมาณ จัดทำข้อกำหนดและเงื่อนไขเพื่อหน่วยงานราชการสามารถจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือยานพาหนะใหม่มาใช้ทดแทนของเดิมที่มีอายุการใช้งานมานาน
เสื่อมสภาพ และสิ้นเปลืองพลังงาน รวมถึงการจัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือยานพาหนะเดิม
เพื่อมิให้มีการนำไปใช้ในที่อื่น โดยการจัดการนั้นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
4. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
ข้อมูลจาก www.e-report.go.th ปริมาณการใช้พลังงานของ
10,782 หน่วยงานราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
4.1 ปริมาณการใช้ไฟฟ้ารวม 3,169
ล้านหน่วย หากสามารถลดการใช้พลังงานได้ตามเป้าหมาย 10% จะลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 316.9 ล้านหน่วย คิดเป็นเงินมูลค่า
950 ล้านบาท (ค่าไฟฟ้าหน่วยละ 3 บาท)
ลดการปลดปล่อย CO2 184 ktCO2e (1 kWh = 0.5812 kCO2e)
4.2 ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรวม
191 ล้านลิตร หากสามารถลดการใช้พลังงานได้ตามเป้าหมาย 10%
จะลดการใช้น้ำมันลงได้ 19.1 ล้านลิตร คิดเป็นเงินมูลค่า
669 ล้านบาท (ค่าน้ำมันคิดเฉลี่ยหน่วยละ 35 บาท) ลดการปลดปล่อย CO2 43 ktCO2e (เบนซิน
1 ลิตร = 2.280 kCO2e)
รวมลดปริมาณการใช้พลังงานลงคิดเป็นมูลค่า 1,619 ล้านบาท และลดการปลดปล่อย CO2 227 ktCO2e
Note: (1)
รายละเอียดเกณฑ์คะแนนตัวชี้วัด (KPI) "ระดับความสำเร็จของการดำเนินการ ตามมาตรการประหยัดพลังงาน" ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2555 จะมีความชัดเจนภายหลัง สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหนึ่งในกรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการตัวชี้วัดที่
XX และคะแนน XX (2)
จะมีการจัดประชุมชี้แจงซักซ้อมความเข้าใจมาตรการลดใช้พลังงานภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรี
20 มีนาคม 2555 ประมาณเดือนเมษายน 2555 (3)
คำสำคัญเพื่อการเตรียมพร้อมบรรลุเป้าหมาย คือ
การจัดตั้งคณะทำงานลดการใช้พลังงาน ปี 2555, แผนและมาตรการลดใช้พลังงานของหน่วยงาน
ปี 2555, ข้อมูลปริมาณการใช้ไฟฟ้าและน้ำมัน ปีงบประมาณ 2554 และ 2555
ต้องครบถ้วน, การใช้พลังงานปี 2555 ลดลงจากปี 2554 คิดเป็นลดลงไม่น้อยกว่า 10% (ตัวอย่างหนังสือจัดตั้งคณะทำงานลดการใช้พลังงาน ปี
2555, แผนและมาตรการลดใช้พลังงานของหน่วยงาน ปี 2555) |